หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เยอรมนีต้องลงนามใน สนธิสัญญาแวร์ซายส์ (Treaty of Versailles)
สนธิสัญญานี้ลงนามเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1919 ณ พระราชวังแวร์ซาย ประเทศฝรั่งเศส ถือเป็นสนธิสัญญาที่สำคัญที่สุดฉบับหนึ่งที่ยุติสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง โดยกำหนดข้อกำหนดต่างๆ แก่เยอรมนีในฐานะฝ่ายแพ้สงคราม ซึ่งรวมถึง:
- การรับผิดชอบ: เยอรมนีต้องรับผิดชอบในฐานะผู้ก่อสงคราม
- การเสียดินแดน: เยอรมนีต้องสูญเสียดินแดนกว่า 13% ของประชากร 7 ล้านคน รวมถึงอาลซาส-ลอเรนท์ โปแลนด์ และบางส่วนของปรัสเซียตะวันออก
- การลดอาวุธ: กองทัพเยอรมันถูกลดจำนวนลงอย่างมาก ห้ามผลิตอาวุธหนัก และห้ามมีกองทัพอากาศ
- การจ่ายค่าปฏิกรรมสงคราม: เยอรมนีต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามจำนวนมหาศาลแก่ฝ่ายสัมพันธมิตร
- การจำกัดอธิปไตย: เยอรมนีสูญเสียการควบคุมดินแดนอาณานิคม และถูกจำกัดอธิปไตยในด้านต่างๆ
สนธิสัญญาแวร์ซายส์สร้างความไม่พอใจให้กับชาวเยอรมันเป็นอย่างมาก หลายคนมองว่าเป็นสนธิสัญญาที่รุนแรงและไม่เป็นธรรม ส่งผลต่อความตึงเครียดทางการเมืองและเศรษฐกิจภายในประเทศ และกลายเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 2
นอกจากสนธิสัญญาแวร์ซายส์แล้ว เยอรมนียังต้องลงนามในสนธิสัญญาอื่นๆ อีกหลายฉบับหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เช่น:
- สนธิสัญญาแซง แชร์แมง: ลงนามกับออสเตรียเมื่อวันที่ 10 กันยายน ค.ศ. 1919
- สนธิสัญญาเนอูย: ลงนามกับบัลแกเรียเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ค.ศ. 1919
- สนธิสัญญาเซฟร์: ลงนามกับจักรวรรดิออตโตมันเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ. 1920
- สนธิสัญญาไทรานอน: ลงนามกับฮังการีเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ค.ศ. 1920
สนธิสัญญาทั้งหมดเหล่านี้มีผลกระทบอย่างมากต่อเยอรมนีและประเทศอื่นๆ ในยุโรป นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมครั้งใหญ่ และวางรากฐานสำหรับความขัดแย้งในอนาคต